เท่าที่ตามข่าวเรื่องทรงผมและชุดนักเรียน เข้าใจว่า ...

เท่าที่ตามข่าวเรื่องทรงผมและชุดนักเรียน เข้าใจว่า ไอ้ที่เด็กๆนักเรียนออกมาเคลื่อนไหว ไม่ใช่เพื่อฉีกทำลายกฏ แต่เพื่อตั้งคำถามกับ "กฏที่มันไม่มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือรองรับ" ยกตัวอย่างเช่น เรื่องทรงผม ซึ่งทรงผมเกรียนสามด้านหรือทรงนักเรียนที่ดั้งเดิมเราเริ่มตัดทรงนั้นสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะเหาระบาด ยุคนั้นเลยตัดเกรียนๆแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แล้วกลายมาเป็นทรงผมนักเรียนจนถึงยุคปัจจุบัน ดังนั้นการตัดทรงผมนักเรียนในยุคปัจจุบัน ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรอีกแล้ว เพราะเหาไม่ค่อยระบาด และต่อให้ระบาด ก็รักษาได้ไม่ต้องกร้อนผม ถ้าไม่หนักจริงๆน่ะนะ

ขนาดในกฏกระทรวงก็ยังไม่มีการบังคับให้เด็กนักเรียนต้องไว้ทรงนักเรียน
แม้จะมีกฏกระทรวงประกาศไม่ได้บังคับไว้ผมทรงนักเรียนอีกแล้ว แต่ครูหลายๆโรงเรียน ก็ยังบังคับให้เด็กตัดทรงนั้น ใครไม่ตัด ก็โดนไถหัวจนแหว่ง ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิเด็กและขัดกฏกระทรวง

เด็กมันถึงเริ่มตั้งคำถามว่า เฮ้ย กฏที่เราทำตามกันอยู่นี่ มันถูกต้องตามกฏจริงๆ หรือเป็นแค่กฏที่ครูตั้งขึ้นมาเองมาใช้กับนักเรียนกันแน่ อะไรประมาณนั้น ซึ่งเมื่อเด็กตั้งคำถามแล้ว ที่เหลือคือ ผู้ใหญ่ จะหาคำตอบที่สมเหตุสมผล ที่ทำให้เด็กเข้าใจว่ากฏนั้นมีความสำคัญยังไง ต้องปฎิบัติตามเพราะอะไร ได้หรือไม่ ก็เท่านั้นเอง

อย่ามองว่า เด็กมันทำไปเพราะไม่อยากอยู่ใต้กฏไม่อยากมีระเบียบใดๆในสังคมจนสังคมวุ่นวายสับสนไร้กฏระเบียบ แต่เขาทำไปเพื่อหาคำตอบ ว่า กฎเหล่านั้น สมเหตุสมผลและเป็นเพื่อความระเบียบเรียบร้อยของสังคมจริงๆหรือไม่ หรือเป็นเครื่องมือที่ใช้กดข่มให้เชื่อฟังโดยไร้เหตุผลใดๆ และห้ามโต้แย้ง

ซึ่งถ้ากฏมันเป็นไปเพื่อระเบียบของสังคม มีเหตุผลอันสมควรรองรับ ก็ควรจะอธิบายให้เด็กเข้าใจได้ใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าผู้ใหญ๋หาคำตอบมาตอบเด็กไม่ได้ แล้วใช้วิธีการแบบ ห้ามเด็กแสดงออก ใครทำ ก็ห้ามเข้าโรงเรียน หรือเตรียมเชิญไปเรียนที่อื่น

นั่นยิ่งเป็นการทำให้เด็กๆเขามั่นใจยิ่งขึ้นว่า กฏที่เขาออกมาตั้งคำถาม มันไร้เหตุผล และเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกดข่มพวกเขาไว้ก็เท่านั้นเอง

ภาพจาก https://prachatai.com/journal/2020/07/88525

---